อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในส่วนของ input
ได้แก่
1. คีย์บอร์ด (keyboard)
ใช้พิมพ์คำสั่ง หรือป้อนข้อมูล มีลักษณะคล้ายแป้นพิมพ์ดีด แต่มีปุ่มพิมพ์มากกว่า
2. เมาส์ (mouse)
ใช้ชี้ตำแหน่งบนจอภาพ เพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน เช่นเดียวกับการป้อนคำสั่งทางคีย์บอร์ด
เมาส์ (mouse) คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมการใช้งานในคอมพิวเตอร์ชิ้นหนึ่ง ซึ่งออกแบบเพื่อให้พอดีกับการใช้งานโดยส่วนโค้งและส่วนเว้าโค้งเข้าตามกับอุ้งมือของผู้ใช้ โดยภายด้านใต้ของเมาส์จะมีอุปกรณ์ซึ่งตรวจจับการเคลื่อนไหวของเมาส์โดยส่งไปยังสัญญาณไปที่คอมพิวเตอร์เพื่อแสดงผลของเคอร์เซอร์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ แบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
2.1 เมาส์แบบกลไก (Mechanical) โดยจะใช้ลูกบอลกลมๆ บรรจุอยู่ภายในตัวเมาส์ ทำหน้าที่คอยเปลี่ยนการลากเมาส์ ให้เป็นการหมุนล้อ กลไกภายในตัวเมาส์ เพื่อแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้า
2.2 เมาส์แบบใช้แสง (Optical) เป็นแบบที่ใช้แสงส่องลงไปที่พื้นแล้วสะท้อนกลับมาที่ตัวรับเพื่อวัดการเลื่อนตำแหน่ง ถ้าเป็นรุ่นใหม่จะสามารถใช้กับพื้นผิวได้แทบทุกแบบ
2.3 แบบไร้สาย (Wireless Mouse) มีการทำงานเหมือน เมาส์ทั่วไป เพียงแต่ไม่มีการใช้สายไฟต่อออกมาจากตัวเมาส์ ชนิดนี้จะมีตัวรับและตัวส่งสัญญาณซึ่งทางด้านตัวรับสัญญาณอาจจะเป็นหัวต่อแบบ USB ที่ในปัจจุบันใช้แบบ Nano receiver ซึ่งใช้ความถี่วิทยุที่ 2.4 GHz
3. สแกนเนอร์ (scanner)
อุปกรณ์นำเข้าข้อมูลที่เป็นรูปภาพหรือข้อความมาสแกน แล้วจัดเก็บไว้เป็นไฟล์ภาพ เพื่อนำไปใช้งานต่อไป
4.อุปกรณ์สแกนลายนิ้วมือ (finger scan)
ระบบเครื่องสแกนลายนิ้วมือ คือ ระบบที่ต้องใช้ลายนิ้วมือ ของบุคคลที่ได้รับการอนุญาต หรือบุคคลที่ได้ทำการบันทึกลายนิ้วมือ ลงไว้ในตัวเครื่องสแกนลายนิ้วมือ ที่ใช้ควบคุมระบบการทำงานต่างๆ แล้วซึ่งหากบุคคลใดไม่ได้มีการบันทึกลายนิ้วมือลงไว้ในตัวเครื่องสแกนลายนิ้วมือ ก็จะไม่สามารถเข้าไปใช้งานระบบที่ต้องมีการสแกนลายนิ้วมือนี้ได้
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในส่วนของ process
ได้แก่
ซีพียู (CPU)
คือ อุปกรณ์ตัวหนึ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นในการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นหัวใจของคอมพิวเตอร์เลยก็ได้ ซีพียู เป็นตัวควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงที่ต่อร่วมกับคอมพิวเตอร์ โดย จะเป็นตัวกำหนดความสำคัญของอุปกรณ์ว่าตัวใดมีความสำคัญมากกว่าซึ่งหากติดตั้งอุปกรณ์ 2 ตัวที่อินเทอรัพ, การแจ้งกับซีพียูว่าจะขอเฉพาะอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมากกว่าเท่านั้น ส่วนตัวที่สำคัญน้อยกว่าจะไม่สามารถใช้งานได้ เช่น ถ้าเราต่อการ์ดจอภาพกับการ์ดเสียงที่อินเทอรัพเดียวกัน ซีพียู จะเลือกให้ใช้ได้เฉพาะการ์ดจอภาพเท่านั้น
หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โปรเซสเซอร์ (Processor) หรือ ชิป (chip) นับเป็นอุปกรณ์ ที่มีความสำคัญมากที่สุด ของฮาร์ดแวร์เพราะมีหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อน เข้ามาทางอุปกรณ์อินพุต ตามชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ผู้ใช้ต้องการใช้งาน หน่วยประมวลผลกลาง ประกอบด้วย
หน่วยความจำหลัก(Primary Storage) แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. หน่วยความจำหลักแบบอ่านได้อย่างเดียว (Read Only Memory - ROM)
เป็นหน่วยความจำแบบสารกึ่งตัวนำชั่วคราวชนิดอ่านได้อย่างเดียว ใช้เป็นสื่อบันทึกในคอมพิวเตอร์ เพราะไม่สามารถบันทึกซ้ำได้ (อย่างง่ายๆ) เป็นความจำที่ซอฟต์แวร์หรือข้อมูลอยู่แล้ว และพร้อมที่จะนำมาต่อกับไมโครโพรเซสเซอร์ได้โดยตรง หน่วยความจำประเภทนี้แม้ไม่มีไฟเลี้ยงต่ออยู่ ข้อมูลก็จะไม่หายไปจากน่วยความจำ (nonvolatile) โดยทั่วไปจะใช้เก็บข้อมูลที่ไม่ต้องมีการแก้ไขอีกแล้วเช่น เก็บโปรแกรมไบออส (Basic Input output System : BIOS) หรือเฟิร์มแวร์ ที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ใช้เก็บโปรแกรมการทำงานสำหรับเครื่องคิดเลขใช้เก็บโปรแกรมของคอมพิวเตอร์ที่ทำงานเฉพาะด้าน เช่น ในรถยนต์ที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมวงจร ควบคุมในเครื่องซักผ้า เป็นต้น
2. หน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้ (Random Access Memory - RAM)
เป็นหน่วยความจำหลักที่จำเป็น หน่วยความจำ ชนิดนี้จะสามารถเก็บข้อมูลได้ เฉพาะเวลาที่มีกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงเท่านั้นเมื่อใดก็ตามที่ไม่มีกระแสไฟฟ้า มาเลี้ยง ข็อมูลที่อยู่ภายในหน่วยความจำชนิดจะหายไปทันที หน่วยควมจำแรม ทำหน้าที่เก็บชุดคำสั่งและข้อมูลที่ระบบคอมพิวเตอร์กำลังทำงานอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าข้อมูล (Input) หรือ การนำออกข้อมูล (Output) โดยที่เนื้อที่ของหน่วยความจำหลักแบบแรมนี้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ
1. Input Storage Area เป็นส่วนที่เก็บข้อมูลนำเข้าที่ได้รับมาจากหน่วยรับข้อมูลเข้าโดย ข้อมูลนี้จะถูกนำไปใช้ในการประมวลผลต่อไป
2. Working Storage Area เป็นส่วนที่เก็บข้อมูลที่อยู่ในระหว่างการประมวลผล
3. Output Storage Area เป็นส่วนที่เก็บผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผล ตามความต้องการของผู้ใช้ เพื่อรอที่จะถูกส่งไปแสดงออก ยังหน่วยแสดงผลอื่นที่ผู้ใช้ต้องการ
4. Program Storage Area เป็นส่วนที่ใช้เก็บชุดคำสั่ง หรือโปรแกรมที่ผู้ใช้ต้องการจะส่งเข้ามา เพื่อใช้คอมพิวเตอร์ปฏิบัติตามคำสั่ง ชุดดังกล่าว หน่วยควบคุมจะทำหน้าที่ดึงคำสั่งจากส่วน นี้ไปที่ละคำสั่งเพื่อทำการแปลความหมาย ว่าคำสั่งนั้นสังให้ทำอะไร จากนั้นหน่วยควบคุม จะไปควบคุมฮาร์ดแวร์ที่ต้องการทำงานดังกล่าวให้ทำงานตามคำสั่งนั้นๆ
เมนบอร์ด (Mainboard, mother board)
เมนบอร์ด (Mainboard, mother board) หรือ แผงวงจรหลัก เป็นหัวใจสำคัญที่สุดที่อยู่ภายในเครื่อง เมื่อเปิดฝาเครื่องออกมาจะเป็นแผงวงจรขนาดใหญ่วางนอนอยู่ นั่นคือส่วนที่เรียกว่า "เมนบอร์ด" ส่วนประกอบหลักที่สำคัญบนเมนบอร์ดคือ
ซ็อคเก็ตสำหรับซีพียู
|
ชิปเซ็ต (Chip set)
|
ซ็อคเก็ตสำหรับหน่วยความจำ
|
ระบบบัสและสล็อต
|
Bios
|
สัญญาณนาฬิกาของระบบ
|
ถ่านหรือแบตเตอรี่
|
ขั้วต่อสายแหล่งจ่ายไฟ
|
ขั้วต่อสวิทช์และไฟหน้าเครื่อง
|
จัมเปอร์สำหรับกำหนดการทำงานของ เมนบอร์ด
|
ขั้วต่อ IDE
|
ขั้วต่อ Floppy disk drive
|
พอร์ตอนุกรมและพอร์ตขนาน
|
พอร์ตคีย์บอร์ดและเมาส์
|
พอร์ต USB
|
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในส่วนของ output
ได้แก่
1. จอภาพ (Monitor)
เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นและนิยมใช้เพื่อแสดงเอาต์พุต ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของข้อความ ภาพนิ่ง กราฟิก ภาพเคลื่อนไหว จอภาพมีหลายชนิดด้วยกัน คือ
1.1 จอภาพซีอาร์ที (Cathode Ray Tube: CRT) เป็นจอภาพสัญญาณแบบอนาล็อก ถูกพัฒนาจากจอภาพโทรทัศน์ การทำงานจะเกิดความร้อนสูง
1.2 จอภาพแบบแอลซีดี (Liquid Crystal Display: LCD) เป็นจอภาพที่ใช้วัตถุแบบผลึกเหลว (Liquid Crystal) แทนการใช้หลอดภาพและใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ใน การผลิแสงสว่าง
| ||||||||||||||
2. เครื่องพิมพ์ (Printer) เป็นอุปกรณ์เอาต์พุตมาตรฐานชนิดหนึ่ง ใช้สำหรับพิมพ์ข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ลงในกระดาษ เครื่องพิมพ์แบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้ คือ | ||||||||||||||
2.1 เครื่องพิมพ์แบบดอทเมทริกซ์ (Dot Matrix
Printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้หัวเข็มกระแทกผ้าหมึกเพื่อให้เกิดจุดรวมกัน
เป็นตัวอักษร ปัจจุบันเครื่องพิมพ์ประเภทนี้ได้รับความนิยมน้อยลง
2.2 เครื่องพิมพ์แบบบรรทัด (Line Printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีลักษณะการทำงานคล้ายกับเครื่องพิมพ์
์แบบดอทเมทริกซ์ แต่จะพิมพ์เป็นบรรทัด
ซึ่งแตกต่างการพิมพ์แบบดอทเมทริกซ์ที่พิมพ์ทีละตัวอักษร
3. เครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ต (Ink Jet
Printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้หลักการพ่นหมึก
สามารถพิมพ์ได้ทั้งตัวอักษรและรูปภาพ ความเร็วของเครื่องพิมพ์ประเภทนี้พิจารณาจาก
จำนวนแผ่นที่พิมพ์ได้ในเวลา 1 นาที (Page Per Minute : PPM)
4. เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ (Laser Printer)
เป็นเครื่องพิมพ์ที่นินมใช้กับงานพิมพ์เอกสารทั่วไป สามารถพิมพ์ได้คมชัดและเร็ว
หลักการทำงานของเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์คล้ายกับ
เครื่องถ่ายเอกสารโดยใช้ผงหมึกที่บรรจุไว้ในตลับ (Toner) ความเร็วของเครื่องพิมพ์ประเภทนี้
พิจารณาจากจำนวนแผ่นที่พิมพ์ในเวลา 1 นาที (Page Per Minute: PPM)
5.พล็อตเตอร์
(Plotter) เป็นอุปกรณ์เอาต์พุตที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในงานด้านกราฟิกสามารถแสดงผลงานกราฟิกทางเครื่องพิมพ์
์ทำไม่ได้นั้นคืองานที่ต้องใช้กระดาษแผ่นใหญ่ คุณภาพทางกราฟิกซับซ้อน เช่น
พิมพ์เขียว แผนผังเมือง แผนผังการเดินสายไฟฟ้าอาคารขนาดใหญ่ ฯลฯ
6.ลำโพง (Speaker) เป็นอุปกรณ์เอาต์พุตที่ใช้แสดงข้อมูลประเภทเสียงจากเครื่องคอมพิวเตอร์โดยต้องใช้คู่กับอุปกรณ์
การ์ดเสียง (Sound Card) เป็นตัวเชื่อมระหว่างลำโพงกับเครื่องคอมพิวเตอร์
โดยทำการแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นสัญญาณอนาล็อกไปยังลำโพง
| ||||||||||||||
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ
ได้แก่
1.ฮาร์ดดิสก์ หรือ จานบันทึกแบบแข็ง คือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่บรรจุข้อมูลแบบไม่ลบเลือน มีลักษณะเป็นจานโลหะที่เคลือบด้วยสารแม่เหล็กซึ่งหมุนอย่างรวดเร็วเมื่อทำงาน การติดตั้งเข้ากับตัวคอมพิวเตอร์สามารถทำได้ผ่านการต่อเข้ากับแผงวงจรหลัก (motherboard) ที่มีอินเตอร์เฟซแบบขนาน (PATA) , แบบอนุกรม (SATA) และแบบเล็ก (SCSI) ทั้งยังสามารถต่อเข้าเครื่องจากภายนอกได้ผ่านทางสายยูเอสบี, สายไฟร์ไวร์ รวมไปถึงอินเตอร์เฟซอนุกรมแบบต่อนอก (eSATA) ซึ่งทำให้การใช้ฮาร์ดดิสก์ทำได้สะดวกยิ่งขึ้นเมื่อไม่มีคอมพิวเตอร์ถาวรเป็นของตนเอง
|
2.CD (Compact Disc) เป็นสื่อเก็บข้อมูลด้วยแสงแบบแรกที่ไดรับความนิยมอย่างแพร่หลายและปัจจุบันก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ เนื่องจากมีราคาถูกลงกว่าสมัยก่อนมาก
3.DVD (Digital Versatile Disc/Digital Video Disc) ผลิตมาเพื่อตอบสนองกับงานเก็บข้อมูลความจุสูง เช่น เพลงหรืองานมัลติมีเดียเพื่อให้เกิดความสมจริงและคมชัดมากที่สุด การเก็บข้อมูลจะมีการแบ่งออกเป็นชั้น ๆ เรียกว่า เลเยอร์ (Layer ) และสามารถเก็บข้อมูลได้ทั้งสองด้าน(sides)ความจุของ DVD จะมีมากกว่า CD หลายเท่าตัว โดยมีตั้งแต่ 4.7 GB - 17 GB
4.แฟรช(Flash memory device) ปัจจุบันนำมาใช้บันทึกแทนสื่อเก็บข้อมูลแบบดิสเก็ตต์มากขึ้น เพราะจุข้อมูลได้มากกว่า นิยมใช้กับเครื่องพีซีและคอมพิวเตอร์แบบพกพาทั่วไป มีชื่อเรียกแตกต่างกัน เช่น flash drive, thumb drive หรือ handy drive โดยสามารถต่อพ่วงเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์และอ่านค่าข้อมูลนั้นได้โดยตรง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น